วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2558

          รูปแบบวิธีคิดในการวางแผนชีวิต นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการกำหนดทางเดิน และการเลือกทางเลือก หรือการตัดสินใจในชีวิตของเรามาก   “ยิ่งคุณเห็นกว้างไกลเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้เปรียบ” นั่นเป็นแนวทางในการวางกลยุทธที่ดีอย่างหนึ่ง แต่สำหรับการกำหนดวิธีคิดเพื่อพิชิตเป้าหมายในชีวิตแล้ว สิ่งที่จะทำให้คุณไปได้เร็วมากขึ้นอีก นั่นคือความชัดเจน   สำหรับบทความนี้เราจะมาคุยกันในรูปแบบความคิดสำหรับการวางกลยุทธให้ชีวิตของเราว่ามีอะไรกันบ้าง และแนวคิดแบบย้อนกลับนั้นมีความสำคัญอย่างไรต่อการวางแผนชีวิตระยะยาวสำหรับเรา เพื่อให้คุณเห็นได้ทั้งกว้างไกล และชัดเจนไปด้วยกัน




          หากพูดถึงแนวคิดหลักในการวางแผนชีวิตนั้น แบ่งได้หลักๆเป็น 2รูปแบบ ด้วยกันครับ ประกอบด้วย แนวคิดแบบไปข้างหน้า(Bottom-Up) และ แนวคิดแบบย้อนกลับ(Top-Down) ซึ่งแนวคิดทั้งสองแบบนี้มีความสำคัญและใช้ในรูปแบบการวางแผนที่ต่างกันออกไป   ดังนั้นเรามารู้จักกันก่อนดีกว่าครับ ว่าแต่ละรูปแบบนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง


          แนวคิดแบบไปข้างหน้า (
Bottom-Up)   คือ การเลือกทางเลือกด้วยสิ่งที่เรามีเป็นหลัก แล้วค่อยๆไล่หาทางเดินต่อไปจนถึงปลายทาง จากนั้นค่อยกำหนดเป้าหมายหรือผลลัพธ์ในที่สุด

          แนวคิดแบบย้อนกลับ (Top-Down)   คือ การเริ่มต้นจากจินตนาการ สร้างเป้าหมายและผลลัพธ์ที่เราต้องการ แล้วค่อยๆไล่หาทางเดินที่เป็นเหตุให้เกิดผลลัพธ์นั้นกลับมาจนถึงปัจจุบัน โดยไม่ยึดกับสิ่งที่เรามีอยู่


          เชื่อว่าหลายคนคงจะสงสยแน่ๆครับว่า หากบอกว่าแนวคิดทั้งสองแบบนั้นมีความสำคัญทั้งคู่ ทำไมถึงตั้งชื่อบทความนี้ว่าแนวคิดแบบย้อนกลับ แทนที่จะตั้งเป็นชื่ออื่นล่ะ
?   นั่นแหละครับ ก็อย่างที่บอกไปว่ามันสำคัญทั้งสองแนวคิดนั่นแหละ   แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่า คนเราส่วนใหญ่ถูกสอนมาตั้งแต่เด็กให้มีแนวคิดแบบไปข้างหน้า จากระบบการศึกษา และระบบความคิดจากสถาบันต่างๆในสังคม ล้วนมีส่วนทำให้ความคิดเราส่วนใหญ่เป็นไปในแบบนี้ทั้งสิ้น




          คุณว่าจริงไหมครับ?   ยิ่งเราโตขึ้นเท่าไหร่ กรอบกระบวนทัศน์เรายิ่งแคบลงไปเท่านั้น  ตอนช่วง ม.ปลาย ใครเรียนสายวิทย์มา ส่วนมากก็จะมองไปในคณะที่เรียนต่อในมหาวิทยาลัยเป็นคณะด้านวิทยาศาสตร์ซะส่วนใหญ่   และใครที่เรียนสายศิลป์มา ส่วนมากก็จะมองไปในคณะด้านศิลปะตามที่ตนเองน่าจะเรียนได้   หลังจากนั้นพอเรียนมหาวิทยาลัยจบในสาขาที่ตนเองได้เลือก ก็ต้องการทำงานตรงสายงานเป็นหลัก   หลายๆคนก็ทำงานที่ตนเองต้องการไปแล้วก็กลับพบว่า “อ้าวเฮ้ย! ไอ้จุดนี้มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการนี่หว่า”   พอหลังจากนั้นแล้วยังไงกันต่อครับ … ??? ไม่รู้สิครับ   ถึงช่วงชีวิตจังหวะนี้ ไม่มีใครมาสนใจแล้วครับว่าเคยเรียนอะไรมาตอนมัธยมและมหาวิทยาลัย   คำถามที่สำคัญคือแล้วคุณจะเอายังไงกับชีวิตต่อไป?   หากคุณเป็นคนที่วางแผนแบบคิดไปข้างหน้ามาเพียงอย่างเดียว คุณอาจจะประสบกับปัญหาแบบนี้ได้


          เหตุผลที่เราควรให้ความสำคัญกับแนวคิดแบบย้อนกลับ ก็เพราะแบบนี้แหละครับ   ผมเชื่อว่าเราคิดไปข้างหน้ากันเป็นอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยมีใครบอกให้เราคิดแบบย้อนกลับกันเท่าไหร่
   บางครั้งเราก็ควรปลดปล่อยความเป็นเด็กในตัวเอง ให้จินตนาการเราทำงานเสียบ้าง ให้สิ่งที่เราต้องการในชีวิตเป็นเป้าหมาย แล้วค่อยๆไล่ทางเดินกลับมาครับว่าเราสามารถทำอะไรให้ไปถึงตรงจุดนั้นได้บ้าง   เช่น เราต้องการงานที่มีอิสระ เพื่อที่จะได้มีเวลาให้กับครอบครัวและคนที่เรารัก ก็ให้เรากำหนดเป้าหมายไว้เลย แล้วค่อยดูว่ามีอะไรบ้างที่เราสามารถทำแล้วได้ผลลัพธ์อย่างที่เราต้องการ จากนั้นก็ค่อยดูต่อไปว่าสิ่งที่เราเลือกนั้นต้องการทักษะอะไรบ้าง แล้วค่อยเริ่มพัฒนาทักษะนั้นๆ แล้วค่อยๆไต่ไปเรื่อยๆจนถึงเป้าหมาย เป็นต้น




          แรกๆ อาจเป็นเรื่องยากสักหน่อยครับสำหรับการคิดแบบย้อนกลับ เพราะบางทีเราอาจจะไม่ค่อยได้ใช้มันบ่อยนัก   ดังนั้นคุณควรที่จะฝึกฝนการคิดแบบนี้กับการใช้ชีวิตประจำวันเป็นประจำ เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และการหาเหตุผล   ท้ายสุดนี้ หากคุณต้องการพิชิตเป้าหมายใดๆก็ตาม ควรเริ่มจากการรู้จักตัวเองเสียก่อนว่าต้องการอะไรในชีวิตบ้าง หลังจากนั้นจงปลดปล่อยจินตนาการของตัวเองให้ทำงานอย่างเต็มที่ซะ แล้วใช้แนวคิดแบบย้อนกลับเพื่อค้นหาสิ่งที่เราต้องใช้เพื่อไปให้ให้ถึงเป้าหมาย   หลังจากนั้นค่อยเริ่มวางแผนด้วยแนวคิดแบบไปข้างหน้าสร้างทางเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหมายปลายทาง และสร้างผลลัพธ์อย่างที่ตนเองต้องการได้ในที่สุด

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น