วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

          จากสภาพการณ์ปัจจุบัน คงต้องยอมรับกันแต่โดยดีเลยทีเดียวว่า “อินเทอร์เน็ต” เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งของชีวิตไปแล้วจริงๆ   มาถึง ณ จุดนี้ต้องขอบอกเลยครับ ยินดีต้อนรับสู่สังคมแห่งข้อมูล(โลกาภิวัฒน์) อย่างเต็มรูปแบบ!   ข้อมูลและข่าวสารต่างๆ ไหลเวียนกันอยู่รอบตัวเราเป็นปริมาณมากมายมหาศาล  ไม่ว่าจะทุกเช้าที่คุณตื่นนอน จนถึงช่วงเวลาก่อนนอนที่คุณหลับใหล ยังไงซะก็จะมีเรื่องราวที่เกิดขึ้นใกล้ตัวจนคุณต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อเช็คข่าวคราวแทบทั้งวัน (และในบางครั้งก็แทบจะไม่ได้นอนเพราะมัวแต่จ้องจอมือถือจนเกือบเช้า!)   ซึ่งพฤติกรรมต่างๆที่เปลี่ยนไปของผู้คนในสังคมแห่งข้อมูลและเทคโนโลยีได้สะท้อนให้เราเห็นมุมมองบางอย่างที่ต่างออกไปจากเดิม




          ทุกหนทุกแห่งที่คุณเดินทางไป จะเจอผู้คนใช้อุปกรณ์ของตัวเองเพื่อทำธุระส่วนตัวผ่านออนไลน์กันเสมอ  ไม่ว่าจะตามถนนหนทาง รถโดยสาร รถไฟฟ้า หรือแม้แต่คนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว(ซึ่งอันตรายมากๆเลยครับ) ภาพที่เราจะเห็นเป็นประจำคือทุกคนตั้งใจพิมพ์ จิ้มๆๆ ไม่มอง ไม่สนใจใคร จนกระทั่งมีคำเรียกสังคมยุคนี้ว่า “สังคมก้มหน้า” เป็นเรื่องยากมากที่จะได้สร้างมิตรภาพกับเพื่อนใหม่ๆระหว่างทางโดยไม่ผ่านออนไลน์   อิทธิพลหลักมาจาก Social Network และอีกหลายสื่อออนไลน์ซึ่งเชื่อมต่อทุกคน ทุกสิ่ง ทุกที่ และทุกเวลาเข้าด้วยกัน ทำให้คนที่อยู่ไกลกันก็เหมือนอยู่ใกล้กันมากขึ้น แต่คนที่อยู่ใกล้กันกลับรู้สึกเหมือนห่างไกลกันออกไปทุกที

          จากโลกแห่งความเป็นจริงที่แสนจะบิดเบี้ยวนี้เอง ทำให้เราทุกคนต่างพยายามหนีจากภาวะความจริง และต่างมี “อีกตัวตน” คนหนึ่งเป็นอย่างน้อยที่สร้างขึ้นบนโลกออนไลน์กันทุกคน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยครับที่ในยุคนี้ หลายๆคนจะหันไปหาเพื่อนใหม่ สร้างสังคมใหม่ หรือหาคู่รักผ่านทางออนไลน์ เพราะคิดว่านั่นคือสถานที่ส่วนตัวที่ปลอดภัย (ซึ่งจะปลอดภัยหรือไม่ก็อยู่วิจารณาณในการเลือกใช้ด้วยครับ) และสามารถแสดงตัวตนออกมาได้อย่างเต็มที่   หลายครั้งหลายหนที่ผู้คนติดโลกโซเชี่ยลกันอย่างงอมแงม จนหลายคนเลือกที่จะละเลยโลกแห่งความเป็นจริงเลยด้วยซ้ำ หรือบางคนก็หลงไปในโลกสมมติจนลืมตัวตนในความเป็นจริงไปเลยก็มีให้เห็นเช่นกัน   เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะอำนาจในการควบคุมสิ่งต่างๆในโลกแห่งความเป็นจริงของคนไม่สัมพันธ์กับความต้องการ จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้บางคนหันมาแสดงออกในทางที่ง่ายกว่าคือโลกออนไลน์ และด้วยความรวดเร็ว ฉับไวในการแสดงออกนี้เองจึงทำให้เกิดภาวะเสพติดในที่สุด

          กล่าวกันว่าความสะดวกสบาย บางครั้งก็ทำลายความเป็นคนของเราไป   ยิ่งโลกหมุนไปเท่าไหร่ เทคโนโลยีและสื่อต่างๆก็พัฒนาไปมากเท่านั้น นั่นคือประเด็นสำคัญที่เราต้องปรับตัวตามอิทธิพลเหล่านี้ให้ทัน เพราะโลกใบใหม่กำลังเปลี่ยนมนุษย์ไป และคนทั่วไปกลายเป็นเพียงวัตถุ นอกจากนั้นหลายสิ่งที่เปลี่ยนแปลง ยังพรากความรักจากผู้คนไปด้วยเช่นกัน




          บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะเขียนขึ้นมาเพื่อต่อต้านการเปลี่ยนแปลงของสังคม หรือบอกว่าเทคโนโลยีต่างๆไม่ดี เพียงแต่อยากสะท้อนให้เห็นว่าในอีกมุมว่าปัญหาของคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน(ส่วนมากเป็นปัญหาสุขภาพจิต) ก็เกิดจากเรื่องที่ผมได้เขียนไว้นี่แหละครับ   สิ่งที่ต้องการสื่อมากที่สุดคือ เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมได้โดยไม่ตามกระแส ไม่มีสื่อต่างๆบ้าง เพื่อให้รู้จักการปล่อยวางต่อโลกสมมติ เพราะบางเรื่องอาจส่งผลต่อจิตวิญญาณของคุณในระยะยาวจนเกินกว่าที่คุณจะรู้สึกได้ในระยะสั้น กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็อาจสายเกินไปแล้วก็ได้   ดังนั้นจงรู้จักมัน มีสติ และใช้มันอย่างชาญฉลาด เพราะผมเชื่อว่า “คุณสามารถเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ และสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ หากคุณเข้าใจและใช้มันเป็น”


“ เรียนรู้ที่จะใช้เครื่องมือให้เกิดประโยชน์สูงสุด และอย่าปล่อยให้เครื่องมือซึ่งมีประโยชน์สูงสุดทำลายโอกาสที่จะเรียนรู้ ”

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น